การรักษารากฟัน เป็นทางเลือกที่ช่วยเก็บฟันซี่เดิมไว้ใช้งานได้อีกนาน โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งฟันปลอมหรือรากเทียมในอนาคต หลายคนเข้าใจว่า หากปวดฟันมาก ๆ อาจต้องถอนฟันทันที
แต่ในความเป็นจริง หากตรวจพบและรักษาได้ทันเวลา ฟันซี่เดิมยังสามารถเก็บไว้ใช้งานได้ตามปกติ

เมื่อใดควรพิจารณารักษารากฟัน ปวดฟันตุบ ๆ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน เสียวฟันลึก เวลากินของร้อนหรือเย็น ฟันผุทะลุโพรงประสาท เคยอุดฟันแล้วแต่ยังคงมีอาการปวด ฟันโยก หรือมีตุ่มหนองบริเวณเหงือก

อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกว่าการติดเชื้อลุกลามถึงโพรงประสาทแล้ว
การรักษารากฟันจะช่วยยับยั้งการลุกลามของเชื้อโรค และหลีกเลี่ยงการถอนฟัน ขั้นตอนการรักษารากฟัน

1. ตรวจและถ่ายภาพรังสี
เพื่อตรวจสอบรากฟันและตำแหน่งที่ติดเชื้อ

2. ฉีดยาชาเฉพาะที่
เพื่อลดความรู้สึกเจ็บระหว่างทำหัตถการ

3. เปิดโพรงฟันและทำความสะอาดรากฟัน
ใช้เครื่องมือเฉพาะทางในการกำจัดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อ

4. ใส่ยาฆ่าเชื้อและปิดโพรงฟันชั่วคราว
ในบางกรณีอาจต้องนัดทำการรักษาหลายครั้ง

5. อุดรากฟันถาวร และครอบฟัน (หากจำเป็น) การรักษารากฟันเจ็บหรือไม่? ต้องทำกี่ครั้ง? โดยทั่วไป คนไข้มักรู้สึกเจ็บน้อยกว่าที่กังวล เนื่องจากมีการใช้ยาชาและเทคนิคที่พิถีพิถัน จำนวนครั้งในการรักษาแตกต่างกันไปตามระดับการติดเชื้อ โดยปกติอยู่ระหว่าง 1–3 ครั้ง

หลังรักษาแล้ว ฟันจะอยู่ได้นานแค่ไหน? หากรักษาอย่างถูกต้องและดูแลฟันอย่างเหมาะสม
ฟันซี่นั้นสามารถใช้งานได้อีกหลายปี จากประสบการณ์ของเรา มีคนไข้จำนวนมากที่ฟันยังคงใช้งานได้ดีแม้เวลาผ่านไป 5–10 ปี

แนวทางการรักษาของเรา
เราดำเนินการรักษาทุกเคสด้วยความละเอียด รอบคอบ และให้ข้อมูลอย่างครบถ้วนก่อนตัดสินใจ ไม่เร่งรัดการรักษา และไม่แนะนำการถอนฟัน หากยังสามารถเก็บฟันซี่นั้นไว้ได้ หากคุณยังไม่แน่ใจ หรือมีคำถามเกี่ยวกับการรักษารากฟัน
สามารถเข้ารับการประเมินเบื้องต้นได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เราให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความตั้งใจที่จะรักษาฟันธรรมชาติไว้ให้นานที่สุด

หลายครั้งที่เรามองว่าการมีฟันหลุด ฟันหาย หรือฟันไม่ครบในวัยสูงอายุเป็นเรื่องธรรมดา แต่เบื้องหลังรอยยิ้มเงียบ ๆ ของคุณตาคุณยาย อาจแฝงไปด้วยความไม่สะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเรื่อง “การเคี้ยวอาหาร” ผู้สูงอายุจำนวนมากเลือกที่จะไม่บอกลูกหลานว่า พวกเขาเริ่มเคี้ยวอาหารได้ไม่ดีเหมือนเดิม บางคนหลีกเลี่ยงอาหารแข็ง ๆ หรือเหนียว ๆ ไปเลย บางคนเริ่มมีอาการท้องอืด แน่นท้อง หรือท้องผูกเรื้อรังโดยไม่รู้ว่า… ต้นเหตุสำคัญมาจาก “การสูญเสียฟัน” นั่นเอง

ฟันหาย ไม่ได้แค่เสียความมั่นใจ… แต่อาจเสียสุขภาพ เมื่อไม่มีฟัน หรือฟันหลุดไปบางส่วน
🔸 การเคี้ยวอาหารจะไม่ละเอียดเพียงพอ
🔸 ส่งผลให้กระเพาะอาหารต้องทำงานหนักขึ้น
🔸 อาหารย่อยยากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการแน่น ท้องอืด ท้องผูก
🔸 สารอาหารไม่ถูกดูดซึมอย่างเต็มที่ → ร่างกายขาดสารอาหารโดยไม่รู้ตัว
🔸 สุขภาพโดยรวมทรุดโทรมลงช้า ๆ โดยไม่ทันสังเกต

ทางออกที่ไม่ควรมองข้าม: การใส่ฟันปลอม การใส่ฟันปลอมไม่เพียงแต่ช่วยเสริมบุคลิกและความมั่นใจ แต่ยังช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถกลับมาเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้นอีกครั้ง ส่งผลต่อสุขภาพทางเดินอาหารและคุณภาพชีวิตโดยรวม ประเภทของฟันปลอมที่เหมาะกับผู้สูงอายุ :

1. ฟันปลอมแบบถอดได้บางส่วน (Partial Denture) เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันบางซี่ แต่ยังมีฟันธรรมชาติบางส่วนหลงเหลืออยู่
✅ ถอดล้างได้ง่าย
✅ ราคาไม่สูงมาก
✅ ใช้งานสะดวก

2. ฟันปลอมแบบถอดได้ทั้งปาก (Full Denture) เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันทั้งปากแล้ว
✅ ช่วยให้เคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น
✅ เสริมรูปหน้าไม่ให้ยุบ
✅ ต้องมีการใส่และดูแลอย่างถูกวิธีเพื่อให้ฟิตพอดีกับเหงือก

3. ฟันปลอมติดแน่น (Fixed Denture หรือรากฟันเทียมร่วมกับสะพานฟัน) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงสูง ไม่ต้องถอดเข้าออก
✅ รู้สึกเหมือนฟันธรรมชาติ
✅ เคี้ยวได้มั่นใจ ไม่หลุด ไม่เลื่อน
✅ ต้องมีสภาพกระดูกขากรรไกรที่ดี และการดูแลระยะยาว

ฟันปลอม…เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกวัน หากคนที่คุณรักเริ่มหลีกเลี่ยงอาหารที่เคยชอบ เคี้ยวอาหารนานขึ้น หรือมีปัญหาด้านระบบย่อยอาหาร อาจถึงเวลาที่ควรปรึกษาทันตแพทย์เกี่ยวกับการใส่ฟันปลอม สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการกินที่ดี และการกินที่ดีย่อมมาจากการมีฟันที่พร้อมใช้งาน “การใส่ฟันปลอมจึงไม่ใช่แค่เรื่องของฟัน…แต่คือการคืนชีวิตให้กับการใช้ชีวิตประจำวัน”

📍 หากคุณต้องการคำปรึกษาเรื่องฟันปลอมสำหรับผู้สูงอายุ
คลินิกทันตกรรมบลิซเดนท์ พร้อมให้บริการโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ติดต่อเราเพื่อรับคำแนะนำเฉพาะบุคคลและประเมินสุขภาพช่องปากได้ทันที